เปิดรับสมัครสมาชิก webboard ตามปกติแล้วครับ

ผู้เขียน หัวข้อ: ปัญหาของวัยรุ่นไทย “มั่วเซ็กส์” น่าห่วง  (อ่าน 4492 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

trazano

  • บุคคลทั่วไป
วัยรุ่นไทย “มั่วเซ็กส์” น่าห่วง
         
ตร.ชี้มีเซ็กส์ที่สาธารณะเข้าข่ายอนาจาร

          โฆษกนครบาล ระบุ วัยรุ่นมีเซ็กส์ตามบันไดหนีไฟ อาจเข้าข่ายอนาจาร ระบุ เคยพบบางคู่มีเซ็กส์ในรถ หรือมุมมืดสนามกีฬา ย่านหัวหมาก แนะควรรู้จักยับยั้งชั่งใจ รักศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ แจงทำได้เพียงป้องปราม

          ตามที่ "คม ชัด ลึก" นำเสนอการมั่วเซ็กส์ของวัยรุ่นไทยในปัจจุบัน เริ่มแผ่ขยายไปสู่สาธารณชนมากขึ้น โดยเฉพาะตามห้องน้ำ บันไดหนีไฟ หรือที่มุมมืดต่างภายในห้างสรรพสินค้า ซึ่งกลุ่มวัยรุ่นมาใช้เป็นสถานที่มั่วสุมมีเซ็กส์

          ล่าสุดวันที่ 5 มิถุนายน พล.ต.ต.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะโฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า ตนพอจะรับทราบข่าวลักษณะนี้มาบ้าง ซึ่งหากการกระทำของวัยรุ่นเป็นการสมัครใจด้วยกันทั้งสองฝ่ายโดยไม่ได้เป็นการถูกบังคับขู่เข็ญ และคนที่ถูกกระทำเป็นเด็กอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปี ซึ่งในแง่ของทางคดีทางเพศก็ไม่สามารถเอาผิดได้ แต่ถ้าเป็นการหลอกลวงนั้นก็สามารถเอาผิดฐานพรากผู้เยาว์ หรือถ้าเด็กที่ถูกกระทำไม่สมัครใจก็จะแจ้งข้อหาข่มขืน แต่อย่างไรก็ตามหากมีการกระทำมั่วสุมทางเพศลักษณะเปิดเผย ในทางกฎหมาย จะเรียกว่าต่อหน้าธารกำนัล ก็จะเอาผิดได้ในข้อหาอนาจาร แต่ถ้าเป็นการกระทำที่หลบๆ ซ่อนๆ ก็ไม่ถือว่าเป็นการอนาจาร แต่ในส่วนนี้หากมีการกระทำอะไรที่ให้คนอื่นเห็นเช่น บนระเบียงบ้าน ป่ากล้วย เมื่อคนทั่วไปเดินผ่านมาและมองเห็นก็ถือว่าเป็นการทำอนาจารต่อหน้าธารกำนัล

          "หากวัยรุ่นมีเซ็กบริเวณบันไดหนีไฟก็ต้องดูว่าเรามีโอกาสเข้าไปเห็นมากน้อยเพียงใดถ้ามีโอกาสมากก็ถือว่าเข้าข่ายการกระทำอนาจารได้เหมือนกัน แต่ส่วนมากที่พบจะเป็นตามสวนสาธารณะไปหลบๆ ซ่อนๆ กันตามมุมต่างๆ เมื่อก่อนก็มีเหตุการณ์ลักษณะนี้บริเวณสนามกีฬาหัวหมาก แต่ละคนไปนั่งจับคู่กัน และทำอะไรกัน จะใช้ช่วงเวลาที่ปลอดคนในการนำรถไปจอดในที่เปลี่ยวๆ และก็ทำอะไรกันในรถ"พล.ต.ต.ชัชวาลย์ กล่าว

          โฆษกนครบาล กล่าวแนวทางแก้ไขว่า ต้องเริ่มแก้ไขที่สถาบันครอบครัวก่อนเป็นอันดับแรก เพราะเป็นที่ปลูกฝังศีลธรรมให้กับคนในครอบครัว เด็กวัยรุ่นควรรู้จักยับยั้งชั่งใจ เพราะคนเรามีความคิด มีสมองซึ่งต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่น จึงควรที่จะมีความละอาย และรักศักดิ์ศรีของตนในแง่ของการป้องกัน เช่น ถ้าสถานที่ไหนที่มักจะมีการมั่วสุมก็จะให้เจ้าหน้าที่ออกตรวจตราในบริเวณนั้น ซึ่งพอเจอเจ้าหน้าที่ก็อาจทำให้รู้สึกกลัวและหยุดชะงักพฤติกรรมแบบนั้นทันทีจะไม่มาทำอะไรกันในบริเวณนี้อีก ตอนนี้ก็ทำได้เพียงปรามไว้ก่อนเท่านั้น

          ด้านพ.ต.อ.สุรัศ อุดมรัศมิ์ ผกก.สด.กล่าวว่า การมีเซ็กส์ของวัยรุ่นปัจจุบันนี้มีกันง่ายขึ้น อายุ 10 กว่าขวบก็มีเซ้กส์กันแล้วเหมือนกันเรื่องปกติ เด็กเริ่มจะแยกไม่ออกว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ เพราะรับวัฒนธรรมจากตะวันตกมามาก วัฒนธรรมของไทยมีการอบรมกันน้อยลง สำหรับเรื่องการมีเซ็กส์ตามห้องน้ำสาธารณะ หรือของห้างสรรพสินค้า บันใดหนีไฟ  ที่ผ่านมาก็เคยได้รับแจ้งว่ามีการประพฤติตนไม่เหมาะสมของเด็กวัยรุ่นในสถานที่ต่างๆ เป็นจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นห้องคาราโอเกะตามห้างสรรพสินค้า สถานีรถไฟฟ้า ที่ลับตาคนในสยามสแคว บนรถโดยสารประจำทาง ตามสถานที่สาธารณะและมุมที่ลับตาคนเมื่อเราให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบก็พบว่เป็นในลักษณะที่พลอดรักกันมากกว่า กอดจูบ ลูบคลำ ไม่ได้ถึงขั้นมีอะไรกัน เราก็ได้แต่ตักเตือนเท่านั้น

          พ.ต.อ.สุรัศ กล่าวอีกว่า การกระทำแบบนี้เป็นเรื่องปกติของเด็กนักเรียนนักศึกษา บางครั้งก็อยู่ในเครื่องแบบนักเรียนบางครั้งก็เอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนหลังเลิกเรียนเพื่อไปเที่ยวแล้วแต่จะสะดวก ส่วนเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ในห้องน้ำ บันใดหนีไฟนั้น เราไม่เคยพบถึงขั้นนั้นแต่ก็อาจจะเกิดขึ้นได้หลังจากที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ การที่จะมีอะไรกันตามห้องน้ำสาธารณะก็อาจจะเกิดขึ้นได้เพราะมีสิ่งเร้าเยอะ วัยรุ่นชอบความตื่นเต้น การได้มีอะไรกันในสถานที่แบบนี้ก็อาจทำให้เกิดสิ่งเร้ากลัวคนจะเห็นไม่เห็นทำให้เกิดความตื่นเต้นได้ ซึ่งเป็นไปได้สำหรับวัยรุ่นปัจจุบันที่เสพสิ่งเหล่านี้ผ่านทางเทคโนโลยีต่างๆ ที่ไปข้างหน้าเรื่อยๆ กลุ่มเหล่านี้ก็พยายามตามเทคโนโลยีไปให้ทัน

          ผกก.สด. กล่าวอีกว่า เรื่องแบบนี้อาจจะเรียกว่าค่านิยมก็ได้ เป็นการรับค่านิยมมาจากประเทศทางตะวันตก เด็กวัยรุ่นเองก็ยังไม่มีวุฒิภาวะพอที่จะไตร่ตรองว่าอะไรผิดอะไรถูก อะไรสมควรหรือไม่สมควรทำ เราก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าระวังตามสถานที่เสียงต่างๆ แล้ว แต่การเฝ้าระวังนั้นก็คิดว่าไม่ได้ผลมากนักการเฝ้าระวังต้องทำที่จิตใจของเด็กต้องปลูกฝังให้เด็กมีจิตสำนึกในเรื่องนี้ถึงจะแก้ปัญหาได้ ปัญหาแบบนี้เป็นเรื่องที่แก้ได้อยากเพราะการมีอะไรกันในที่สาธารณะนั้นถ้าอายุมากกว่า 15 ปี ก็เป็นคดีอนาจารในที่สาธารณะเท่านั้น มีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท แต่ถ้าอายุน้อยกว่า 15 ปี ก็จะผิดข้อหาพรากผู้เยาว์เพื่ออนาจารซึ่งทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องไปพบเห็นการมีอะไรกันหรือมีการแจ้งความ

          "ปัญหานี้เป็นเรื่องที่น่าหนักใจ ต่อไปสังคมเราจะแย่ ถ้าเราปล่อยปละละเลยเด็กให้สิทธิเสรีภาพกับเด็กมากเกินไป ตามใจเด็กมากเกินไป อะไรก็อ้างว่าเป็นสิทธิของเด็ก เราควรจะให้เด็กมีหน้าที่รับผิดชอบ เมื่อผิดก็ต้องให้รับผิดบ้างไม่ใช่พอเด็กทำผิดให้พ่อแม่รับโทษแทนทำให้เด็กไม่รู้สึกว่าโดนทำโทษ อย่างเรื่องการมีเซ็กส์หรือการกอดจูบลูบคลำกันก็ได้แต่ตักเตือนไม่สามารถทำโทษอะไรได้เพราะถือว่าไม่ได้เป็นความผิดตามกฏหมาย เด็กจึงไม่รู้การกระทำแบบนั้นของตัวเองเป็นการกระทำที่ผิด เป็นการทำร้ายตัวเองและสังคมในอนาคต"ผกก.สด.กล่าว


ที่มา  http://www.thaihealth.or.th/node/5273