เปิดรับสมัครสมาชิก webboard ตามปกติแล้วครับ

ผู้เขียน หัวข้อ: ธรรมมะทำไม(ว.วชิรเมธี)  (อ่าน 2983 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ werewolf173

  • ปี 1 เทอม 2
  • ***
  • กระทู้: 14
  • Reputation: 0
ธรรมมะทำไม(ว.วชิรเมธี)
« เมื่อ: เมษายน 23, 2007, 09:35:02 am »
ถ้าผิดหมวดช่วยย้ายให้กระผมด้วยนะครับผมไม่รุ้ว่าจะไว้หมวดไหนดีครับ

เพื่อตัวเพื่อนๆเองเป็นสิ่งที่ดีอ่านกันเยอะๆนะครับ อนุโมทนาครับ _/l\_ ผมพิมพ์แจกเป็นธรรมทานระยะยาวนะครับ เพื่อนๆแวะมาอ่านกันนะครับผมจะพิมพ์ลงเรื่อยๆครับ
สารบัญ
1.วิธีอยู่กับคนที่เราเกียจ rep 1
2.ทิ้งเปลือกเลือกแก่น rep 1

1.วิธีอยู่กับคนที่เราเกียจ

ปุจฉา

ถ้าเรารู้สึกไม่ชอบหน้าใครสักคนหนึ่งแต่จำเป็นต้องอยู่ทำงานด้วยกันในที่ทำงาน เดียวกันทุกๆ วัน ผมควรจะวางตัวอย่างไรดีครับ มันอึดอัดไปหมด ผมไม่มีความสุขเลยตลอดเวลาที่อยู่ในสำนักงานร่วมกันคนคนนี้

วิสัชนา

รู้ไหมว่า เรามีเวลาอยู่ในโลกนี้คนละกี่ปี
ชีวิตนั้นสั้นยิ่งกว่าหยดน้ำค้างเสียอีก จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่มีใครรู้ล่วงหน้า ถ้าเราใช้เวลาอันแสนสั้นนี้ไปมัวหลับๆตื่นๆอยู่ในความรัก โลภ โกรธ หลง หมั่นไส้คนนั้น ปลาบปลื้มคนนี้ ริษยาเจ้านายใส่ไคล้ลูกน้อง ปกป้องภาพลักษณ์ (อัตตา) กด (หัว) คนรุ่นใหม่หลงใหลเปลือกของชีวิต โดยลืมไปเลยว่า อะไรคือสิ่งที่ตนควรทำอย่างแท้จริง คิดดูเถิดว่า เราจะขาดทุนขนาดไหน
ท่านอังคาร กัลยาณพงศ์ เขียนบทกวีไว้ว่า

''น้ำไหลอายุขัยก็ไหลล่วง ใบไม้ร่วงชีพก็ร้างอย่างความฝัน
ฆ่าชีวาคือพร่าค่าคืนวัน จะกำนัลโลกนี้มีงานใด''

คนเราไม่ควรพร่าเวลาอันสูงค่าด้วยการปล่อยตัวปล่อยใจให้ตกเป็นทาสของความชอบ ความชัง มากนัก เพราะถ้าเราวิ่งตามกิเลส กิเลสก็จะพาเราวิ่งทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ต่อไปไม่รู้จบ กิเลสไม่เคยเหนื่อย แต่ใจคนเราสิจะเหนื่อยหนักหนาสาหัสไม่รู้กี่เท่า ควรคิดเสียใหม่ว่า เราไม่ได้เกิดมาเพื่อที่จะชอบหรือไม่ชอบใคร หรือเพื่อที่จะให้ใครมาชอบหรือมาชังแต่เราเกิดมาสู่โลกนี้เพื่อทำในสิ่ง ที่ดีที่สุดที่มนุษย์คนหนึ่งควรจะทำเอาเวลาที่รู้สึกแย่ๆ กับคนอื่นนั้นหันกลับมามองตัวเองดีกว่า ชีวิตนี้เรามีอะไรบ้างที่เป็นแก่นสาร มีงานอะไรบ้างที่เราควรทำ นอกจากนั้นก็ควรมองกว้างออกไปอีกว่า เราได้ทำอะไรไว้ให้แก่โลกบ้างแล้วหรือยัง

คนทุกคนนั้นต่างก็มีดีมีเสียอยู่ในตัวเอง ถ้าเราเลือกมองแต่ด้านเสียของเขา จิตใจของเราก็เร่าร้อน หม่นไหม้ เวลาที่เสียไปเพราะมัวแต่สนใจด้านไม่ดีของคนอื่นก็เป็นเวลาที่ถูกใช้ไปอย่างไร้ค่า บางที่คนที่เราลอบมอง ลอบรู้สึกไม่ดีกับเขานั้น เขาไม่เคยรู้สึกอะไรไปด้วยกันกับเราเลย เราเผาตัวเราเองอยู่ฝ่ายเดียวด้วยความหงุดหงิด ขัดเคืองและอารมณ์เสียวันแล้ววันเล่า สภาพจิตใจแบบนี้ไม่เคยทำให้ใครมีคุณภาพชีวิตดีขึ้นมาได้เลย ลองเปลี่ยนวิคิดวิธีมองโลกเสียใหม่ดีกว่าคิดเสียว่าคนเราไม่มีใครดีพร้อมหรือ เลวไม่มีที่ติไปเสียทั้งหมดหรอกเราอยู่ในโลกกันคนละไม่กี่ปี ประเดี๋วยเดียวก็จะล้มหายตายจากกันไปหมดแล้ว มาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระทำไม อะไรที่ควรทำก็รีบทำเถิดปล่อยวางเสียบ้าง ความโกรธ ความเกลียดนั้นไม่มีคุณค่าอะไรต่อชีวิตอันแสนน้อยนิดนี้แลย มุ่งไปข้างหน้า ไปหาสิ่งที่มีคุณค่าให้ชีวิตดีงามดีกว่า

วิธีที่แนะนำทั้งหมดนั้น นักภาวนาเรียกว่า ''การกลับมาอยู่กับตัวเอง'' กล่าวคือ ถ้าเราเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องอยู่กับคนที่ไม่ถูกโฉลกแทนที่จะปล่อยใจให้อยู่กับ ความรู้สึกแย่ๆไปตลอด ก็ควรหันกลับเข้ามา ''มองด้านใน'' แก้ไขที่ตัวเอง อย่ามุ่งแก้ไขที่คนอื่น เพราะยิ่งพยายามแก้ไขคนอื่น ก็ยิ่งยุ่งเหมือนลิงทอดแห ยิ่งเราให้ความสำคัญกับคนที่เราเกลียดมากเท่าใด สภาพจิตใจก็ยิ่งแย่ลงมากเท่านั้น วิธีที่ดีที่สุดในการอยู่กับคนที่เรารู้สึกไม่ดีหรือเป็นปฏิปักษ์ก็คือ การดึงความรู้สึกจากเขามาอยู่เราทุกขณะ หรือถ้าเช่นนั้นก็ย้ายตัวเองออกไปเสียจาก สภาพแวดล้อมเช่นนั้นให้เร็วที่สุด อย่าอยู่นานจนทุกข์นั้นกลัดหนองเป็นมะเร็งร้ายในอารมณ์ ปราชญ์จีนบอกว่า ''ถ้ามีขุนเขาขวางท่านอยู่ข้างหน้า อย่าเสียเวลาย้ายขุนเขา แต่จงย้ายตัวเอง''

ดังนั้นเราควรจะย้ายภูเขาที่อยู่ข้างในหรือจะย้ายภูเขาที่อยู่ข้างนอก?
________________________________________________________________
Signature cleanned by Admin

ออฟไลน์ werewolf173

  • ปี 1 เทอม 2
  • ***
  • กระทู้: 14
  • Reputation: 0
Re: ธรรมมะทำไม(ว.วชิรเมธี)
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: เมษายน 23, 2007, 03:11:12 pm »
2.ทิ้งเปลือกเลือกแก่น

ปุจฉา

ไปร่วมงานเปิดนิทรรศการภาพเขียนของศิลปินใหญ่คนหนึ่ง ได้เจอตัวจริงแล้วผิดหวังมาก ทำไมคนที่ได้ชื่อว่าเป็น ''นักปราชญ์'' จึงพูดจาไม่รื่นหูเอาเสียเลย (ไหนบอกว่า ''นักปราชญ์มักจำนรรจ์แต่ถ้อยคำที่รื่นหู'')แต่ละคำที่ได้ฟังมาไม่สมกับที่ใครๆ ยกให้เป็นทั้งศิลปินใหญ่และนักปราชญ์แห่งยุคสมัยต่อไปคงหมดศรัทธา ไม่สะสมงานศิลปะของศิลปินนักปราชญ์คนนี้อีกแล้ว

วิสัชนา

อย่าไปติดใจอะไรกับคำกล่าวที่ว่า ''นักปราชญ์มักจำนรรจ์แต่ถ้อยคำที่รื่นหู'' อย่าไปยืดติด ''สมมติ'' (concept) มากเกินไป จะพลอยทำให้พลาดไปจากความจริงที่ทรงคุณค่าเสียเปล่าๆ เพราะในความเป็นจริงนั้น นักปราชญ์ทุกคนไม่ได้จำนรรจ์แต่ถ้อยคำที่รื่นหูเสมอไปตรงกันข้าม คำที่รื่นหูนั้นต่างหากอาจจะมีอันตรายแฝงอยู่อย่างน่าเป็นห่วงคำพูดนั้นเราตกแต่งกัน
ได้ บางคนก็พูดดี แต่ใจเสีย บางคนก็พูดเสีย แต่ใจดี จะดูคน อย่าเอารูปลักษณ์ภายนอกมาตัดสินกันง่ายๆ

ในสมัยพุทธกาล มีภิกษุณีรูปหนึ่งบวชมานานเป็นเวลา 12 ปี ก็ยังไม่บรรลุธรรม นางได้แต่เศร้าโศกหาพระลูกชายที่พลัดพรากจากกันตลอดเวลา 12 ปี วันหนึ่งได้พบพระลูกชายในระหว่างทางขณะกำลังจาริกภิกขาจาร (บิณฑบาต) นางก็โผเข้าไปหาด้วยอารามดีใจ แต่พระลูกชายเป็นพระอรหันต์ รู้ดีว่าถ้าปล่อยไปตามใจมารดาของตัวเอง นางก็คงจะหลงวนอยู่แต่ในเขาวงกตแห่งความรัก ความห่วงหาอาลัยไม่อาจก้าวไปข้องหน้าบนเส้นทางธรรมอย่างที่ควรจะเป็น คิดดังนี้แล้วพอพบหน้าแม่ซึ่งๆหน้า ท่านจึงตำหนิโยมแม่ของท่านว่า

''ดูสิดู! มัวทำอะไรกันอยู่ล่ะแม่ บวชมาตั้ง 12 ปี ความรักแค่นี้ก็ยังตัดไม่ได้''

ผู้เป็นแม่เฝ้าคอยลูกมา 12 ปีด้วยใจจดจ่อทุกเช้าค่ำ ครั้นได้เจอหน้ากลับพบว่าพระลูกชายไม่อาลัยไยดีตนเลยแม้แต่น้อย นางจึง โกรธจัด น้อยใจ สังเวชตัวเองว่า เฝ้ารัก เฝ้าห่วงลูกชายอยู่ฝ่ายเดียวแต่ดูลูกชายสิ ไม่มีเยื่อใยต่อตนแม้แต่น้อย นี่หรือคนดีที่แม่รอคอยมานานแสนนาน คิดอย่างนี้แล้ว นางจึงตัดใจจากลูก มุ่งหน้าอุทิศตน ปฏิบัติธรรม ใช้เวลาไม่นานวันก็สามารถบรรลุอะหัตผล เป็นพระอรหันต์ได้อย่างสมบูรณ์ แล้วภิกษุณีผู้เป็นแม่จึงเข้าใจนัยแห่ง ''คำหยาบ'' ของพระลูกชายอย่างปรุโปร่ง

นางได้แต่นึกอนุโมทนาด้วยความซาบซึ้ง เป็นความซาบซึ้งและอนุโมทนาในถ้อยคำอันแสนหยาบคาย แต่กลับให้ผลเป็นธรรมรส(นิพพาน) หวานล้ำนิรันดร ที่ใครต่อใครต่างก็ใฝ่หากันทั้งโลก

คำหยาบคาย คำไม่รื่นหู คำติฉินนินทา ฉลาดพูด ฉลาดฟัง ฉลาดใช้ ก็ให้ประโยชน์ได้ไม่น้อยเลย อย่ารังเกียจคำซื่อ คำตรงหรือคำแสลงหูเลย คำเพราะหรือไม่เพราะ หากฟังอย่างมีวิจารณญาณ ก็มีคุณค่านำมาเจียระไนชีวิตได้ทั้งนั้น เคยเห็นหินลับมีดไหม ถึงแม้จะหยาบ แต่ยิ่งหยาบยิ่งลับมีดได้คมกริบ พระพุทธปฏิมาที่งดงามสีทองอร่ามวับวาวอยู่ในโบสถ์นั้น ทุกองค์ล้วนเคยถูกตะไปและกระดาษทรายหยาบๆขัดสีมานับหมื่นนับแสนครั้ง หาได้จู่ๆก็งามขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติไม่
________________________________________________________________
Signature cleanned by Admin

ออฟไลน์ Admin!

  • อยู่ใต้ฟ้าอย่าท้าฝน เกิดเป็นคนอย่าท้ากรรม !
  • admin
  • ********
  • กระทู้: 4182
  • Reputation: 101
  • เพศ: ชาย
  • สัจจะคือคำขาด
    • http://www.siamcafe.net
Re: ธรรมมะทำไม(ว.วชิรเมธี)
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: เมษายน 23, 2007, 05:37:54 pm »
ขอบคุณมากครับ  ๛ok:

tM

  • บุคคลทั่วไป
Re: ธรรมมะทำไม(ว.วชิรเมธี)
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: เมษายน 23, 2007, 05:44:25 pm »
สาธุ  ::)  ขอบคุณครับ ชอบมากเรย  ;)

metro.look

  • บุคคลทั่วไป
Re: ธรรมมะทำไม(ว.วชิรเมธี)
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: สิงหาคม 07, 2007, 02:31:15 am »
ขอบคุณมาก ๆ ครับ

mogol

  • บุคคลทั่วไป
Re: ธรรมมะทำไม(ว.วชิรเมธี)
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: สิงหาคม 07, 2007, 06:26:10 am »
รู้สึกดีจัง ชอบๆ

itshop2005

  • บุคคลทั่วไป
Re: ธรรมมะทำไม(ว.วชิรเมธี)
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: สิงหาคม 07, 2007, 07:28:51 am »
 ::) สาธุ สาธุ อนุโมทนามิ  ::)