ผมขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมครับ
จากการติดต่อไปยังกรมทรัพย์สินทางปัญญาเรื่องเอกสาร การเป็นตัวแทน ไม่ว่าจะเป็นบัตรประจำตัว เอกสารมอบอำนาจช่วง ต่างๆ เหล่านี้ เป็นเพียงการขอความร่วมมือไปยัง บริษัทเอกชนเหล่านั้น มิใช่ข้อกฏหมาย ที่จะสามารถบังคับได้ อีกทั้ง ผู้รับมอบอำนาจจับก็มีสิทธิ์ที่จะรับมอบสิทธิ์การจับได้หลายค่ายเพลง หรือค่ายเกม เช่นกัน (ตัวอย่าง
http://www.ipthailand.org/dip/index.php?option=com_docman&task=doc_download&gid=569&Itemid=467&lang=th ) บริษัท A มอบอำนาจบริษัท ก. เป็นทนาย จากนั้นมอบให้บริษัท ข. เป็นผู้มีอำนาจดำเนินคดีกับผู้ละเมิด เป็นต้น ให้ทางสภาฯ ก็ได้สอบถามเกี่ยวกับข้อสังเกตุของผู้ประกอบการที่แจ้งข้อมูลมาว่า เอกสารต่างๆ ในช่วงที่เกิดการตรวจค้น ณ สถานประกอบการ ควรจะมีแสดง หรือขอสำเนาเพื่อตรวจสอบ ได้หรือไม่ ได้รับคำตอบเบื้องต้นว่า สามารถกระทำได้ เพราะหากตรวจพบภายหลังว่า เอกสารต่างๆ เป็นเท็จ ก็จะเข้าข่ายความผิดอาญา ตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 264
ผู้ใดทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับหรือแต่ส่วนหนึ่ง ส่วนใดเติมหรือตัดทอนข้อความ หรือแก้ไขด้วยประการใดๆ ใน เอกสารที่แท้จริง หรือประทับตราปลอมหรือลงลายมือชื่อปลอม เอกสารโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแต่ผู้อื่น หรือประชาชน ถ้าได้กระทำเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง ผู้นั้น กระทำความผิดฐานปลอมเอกสารต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมาตรา 267
ผู้ใดแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จด ข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชนหรือเอกสารราชการซึ่งมี วัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน โดยประการที่น่าจะเกิด ความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน สามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (
http://www.kodmhai.com/m2/m2-2/m2-264-269.html ) อันแรกนี้คือส่วนของเอกสารปลอม ที่อาจจะถูกทีมจับ ทำขึ้นมาหากินครับ ตามมาติดๆ กับส่วนที่สองคือ พยานวัตถุ ส่วนมากเราจะโดนยกเครื่องไปไว้ที่ สน. โดยอ้างว่า เป็นของกลาง เป็นของที่ใช้เพื่อละเมิด ไม่ว่าจะถูกหลัก หรือไม่ถูกหลักก็ตาม เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการต่างๆ แล้ว เครื่องของเราก็จะโดน ผี ผมต้องเน้นว่า ผี มาช่วยเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์ของเราบ่อยครั้ง เพราะสาเหตุหลายประการ อันนี้หลายท่านที่โดนคงพอเดาออกว่าโดนอะไร แต่ในด้านกฏหมายแล้ว จะกระทำการใดๆ ต่อวัตถุของกลาง หรือพยานวัตถุ โดยขาดฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมิได้ ตามประมวลกฏหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 242 ในระหว่างสอบสวน ไต่สวนมูลฟ้องหรือพิจารณาสิ่ง ของซึ่งเป็นพยานวัตถุต้องให้คู่ความหรือพยานตรวจดู
ถ้ามีการแก้ห่อหรือทำลายตรา การห่อหรือตีตราใหม่
ให้ทำต่อ หน้าคู่ความหรือพยานที่เกี่ยวข้องนั้น ตรงนี้จัดเจนมาก ดังนั้นทางสภาฯ จึงเห็นว่า การอายัดของกลางไว้ ณ จุดเกิดเหตุจะเป็นผลดีต่อทุกฝ่าย มากกว่าการยึดของกลางไป สน. เพราะหากคำอ้างที่ว่า เอาไปเพื่อตรวจพิสูจน์ การตรวจพิสูจน์ก็สามารถกระทำได้ ณ สถานประกอบการนั้นๆ ได้เช่นกัน เพราะมีสิ่งเอื้อต่างๆ พร้อม ทั้งไฟฟ้า พยานบุคคล พยานแวดล้อม........... ฝากไว้ให้คิดกันครับ