บทความอัพเดทในเว็บ ขออนุญาตอัพเดทช่องทาง https://fb.com/siamcafefan

ผู้เขียน หัวข้อ: เด็กฮิตท่องเน็ตดู"คลิปหลุด" 86%เล่นเกม-แค่14%ศึกษา  (อ่าน 2862 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

trazano

  • บุคคลทั่วไป
                 

นายชินภัทร ภูมิรัตน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวตอนหนึ่งในการแถลงข่าวจัดประกวดสื่อดิจิตอลเพื่อการเรียนรู้ ครั้งที่ 1 ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรั-ตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ร่วมกับกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เมื่อวันที่ 14 ตุลาคมว่า จากการสำรวจของสถาบันวิจัย CMR Market Research ปี 2550 พบว่า

เด็กไทยใช้บริการอินเตอร์เน็ตในร้านเพื่อเล่นเกมมากถึง 86% มากกว่าเด็กรัสเซีย ฟิลิปปินส์ และยูเครน รองลงมา เด็กไทยใช้สื่อเพื่อการสนทนาออนไลน์ หรือแช็ต 49% ส่งอี-เมล 44% ฟังเพลง 42% ดูหนัง 25% แต่ใช้งานเพื่อการศึกษาเพียง 14% ขณะที่เยาวชนของประเทศแคนาดาใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อการศึกษาถึง 94% สาเหตุส่วนหนึ่งที่เด็กและเยาวชนไทยใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อความบันเทิง เพราะสื่อการเรียนรู้ในอินเตอร์เน็ตมีไม่เพียงพอ และไม่มีทางเลือกที่หลากหลาย

ดังนั้น ศธ.จึงจัดประกวดสื่อการเรียนรู้ขึ้นเพื่อให้เด็กและเยาวชนหันมาสนใจสื่อการเรียนรู้บนอินเตอร์เน็ต และผลิตผลงานที่สร้างสรรค์ในรูปแบบของบทเรียนช่วยสอน เว็บเพจสื่อการสอน บทความ สารคดีสั้น ในระบบอินเตอร์เน็ต

นางเบญจมาภรณ์ จันทรพัฒน์ ผู้อำนวยการ สสส. กล่าวว่า ปัจจุบันมีเยาวชนใช้อินเตอร์เน็ตอย่างน้อย 6 ล้านคน เฉลี่ยวันละ 3.8 ชั่วโมง การใช้อินเตอร์เน็ตของเยาวชนไทยเป็นไปเพื่อความบันเทิงเป็นอันดับ 1 ข้อมูลของ Truehits พบว่า พฤติกรรมการใช้เว็บไซต์ของเด็กและเยาวชน 10 อันดับแรก นิยมใช้บริการสื่อบันเทิง เช่น www.sanook.com มียอดเข้าใช้บริการวันละ 589,436 คน ตามด้วย www.kapook.com วันละ 400,326 คน และ www.mthai.com วันละ 298,627 คน ขณะที่เด็กและเยาวชนไทยใช้บริการเว็บไซต์ด้านการศึกษาเฉลี่ยเพียง 25,000 คนเท่านั้น

นอกจากนี้ สิ่งที่เด็กและเยาวชนนิยมเข้าใช้บริการค้นหา 30 อันดับแรก คือ เกม รองลงมา ฟังเพลง หาเพื่อน ดูดวง และคลิปหลุดดารา เช่น คลิปพระเอกหนุ่มที่ตกเป็นข่าวดังในขณะนี้ เป็นต้น โดยใน 30 อันดับแรก ไม่พบว่ามีการค้นหาเรื่องการศึกษา ดังนั้น จึงต้องกำหนดทิศทางการพัฒนาสื่อสร้างสรรค์ โดยมุ่งเน้น 3 ยุทธศาสตร์หลัก คือ การขจัดสื่อร้าย ขยายสื่อดี และสร้างภูมิคุ้มกันให้เยาวชน จึงส่งเสริมให้กลุ่มเยาวชนได้สร้างสรรค์ผ่านการจัดประกวด และสร้างแรงจูงใจอื่นๆ เพื่อขยายการมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวาง

พ.ต.ท.(หญิง) สายสวาท ปัจวิทย์ เลขานุการ คณะกรรมการโครงการอินเตอร์เน็ตปลอดภัยและสร้างสรรค์ กล่าวว่า เกณฑ์การประกวดแบ่งเป็น 2 หัวข้อ ได้แก่ 1.สื่อดิจิตอลเพื่อการเรียนรู้รูปแบบเว็บ โดยโรงเรียนที่ส่งเนื้อหาเข้าประกวดจะต้องนำหลักสูตรอินเตอร์เน็ตปลอดภัยสร้างสรรค์ไปใช้สอนด้วย ดาวน์โหลดได้ที่ www.thaigoodview.com สมัครก่อนวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้ 2.สื่อสารคดีประวัติศาสตร์ หรือสถานที่ท่องเที่ยวท้องถิ่น สามารถรวมกลุ่มไม่เกินกลุ่มละ 6 คน และสมาชิกในทีมไม่จำเป็นต้องอยู่ในโรงเรียนเดียวกัน แต่ละทีมจะส่งผลงานกี่ชิ้นก็ได้ ส่งผ่านได้ที่ www.fuse.in.th หมดเขตส่งผลงานวันที่ 31 ธันวาคมนี้ ประกาศผล และมอบรางวัลวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2552 ที่อุทยานการเรียนรู้ ทีเค ปาร์ค เซ็นทรัลเวิลด์

โรงแรมรามาการ์เด้นส์ ในงานสัมมนาวิถีเพศ วิถีสุขภาวะ จัดโดย สสส. นายรณภูมิ สามัคคีคารมย์ นักวิจัย เปิดเผยผลการวิจัยเรื่อง "เพศวิถีชายรักชายในแคมฟร็อก"ว่า ชุมชนแคมฟร็อกกำลังระบาดหนักในห้องสำหรับผู้ใหญ่อายุ 18 ปีขึ้นไป มีจำนวนมากกว่า 400 ห้อง และมีจำนวนคนที่เข้ามาเล่นมากกว่า 3,000 คนต่อวัน ห้องสนทนากลุ่มชายรักชายมีมากกว่า 200 ห้อง มีสมาชิกกว่า 1,000 คนต่อวัน ส่วนใหญ่อายุ 18-35 ปี เป็นนักศึกษา และคนทำงานชนชั้นกลาง 95% เล่นในห้องพักของตนเอง และเล่นคนเดียว 3% เล่นที่ร้านอินเตอร์เน็ต และ 2% เล่นในที่ทำงาน หรือสถานศึกษาในช่วงเวลากลางวัน

น.ส.วชิรา จันทร์ทอง กล่าวถึงผลงานวิจัย "แคมฟร็อกและเพศวิถีของวัยรุ่นหญิงไทย" ว่า ผู้หญิงที่แสดงออกผ่านหน้าจอโปรแกรมแคมฟร็อกส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นหญิงไทยอายุ 16-29 ปี จำนวนห้องสนทนามีมากกว่าชายรักชาย และเล่นมากกว่า 1,000 คนต่อวัน มีตั้งแต่นักเรียน นักศึกษา และพนักงานบริษัท ผู้หญิงที่เข้ามาเล่นมีทั้งถูกจ้างให้มาแสดงเพื่อดึงดูดคนในเชิงธุรกิจ บางคนสมัครใจเปิดเผยทั้งหมด บางคนเปิดเผยเฉพาะส่วน มีโชว์ทางเพศสารพัดรูปแบบ ทำให้ขณะนี้แคมฟร็อกกลายเป็นเครื่องมือแสวงหาและแสดงออกซึ่งความสุขทางเพศของผู้ชาย ซึ่งอาจนำมาซึ่งอาชญากรรมทางเพศ


แหล่งข่าว  http://www.arip.co.th/2006/news.php?id=407915